พ่อวัย ๓๙ ปี ใจหล่นวูบ ไปรับลูกชายชั้นอนุบาล ๓ โดนให้นั่งหันหน้าเข้ากำแพงหลังห้องคนเดียว เหตุขาดเรียนบ่อย เรียนไม่รู้เรื่อง ทั้งที่แจ้งลาไปแล้วว่ามีโรคประจำตัวต้องไปโรงพยาบาลเป็นประจำวันที่ ๒๑ ก.พ. ๖๗ มีรายงานว่า จากกรณีพ่อของเด็กชายรายหนึ่งได้เผยคลิปการเจรจากันระหว่างผู้ปกครองกับครู ระบุข้อความว่า “แม่พิมพ์ของชาติจะย้ายลูกผมก็คุยกันดีๆ” ซึ่งต่อมาได้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นคลิปได้ถูกลบไปจากการสอบถาม นางมะลิวรรณ อายุ ๔๓ ปี หญิงเสื้อดำที่ปรากฏในคลิปกำลังโต้เถียงกับครู โดยมีผู้อำนวยการพยายามปรามคู่กรณีทั้งสองฝ่าย โดยที่ นางมะลิวรรณ เล่าว่า เหตุการณ์ตามในคลิปวันนั้น ตนได้เดินทางไปพบผู้อำนวนการโรงเรียน เพื่อสอบถามกรณีครูประจำชั้น น้องเลม่อน อายุ ๖ ขวบ นักเรียนชั้นอนุบาล ๓ โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ส่งข้อความไปหาแม่เด็กในไลน์กลุ่มของห้องเรียน ซึ่งเป็นข้อความที่ตนเองไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เพราะครูโทรไปแจ้งแม่เด็กว่า “ไม่ให้เรียนแล้ว”จากนั้นแม่เด็กได้เขียนตอบกลับไปว่า “ขอบคุณ คุณครูนะคะ ยังไงก็ขอให้งานเลม่อนกลับมาทำคะ แม่ก็อยากให้น้องทันเพื่อน” แต่ได้รับคำตอบจากครูว่า “ไม่ได้ให้ไปนะคะ คุณครูตัดสินใจแล้วรอให้ทางบ้านมีความพร้อมที่จะดูแลในส่วนนี้ก่อนค่อยว่ากันค่ะ” นางมะลิวรรณ กล่าวอีกว่า กิริยาของครูตามในคลิป ตนมองว่าไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง เป็นถึงแม่พิมพ์ของชาติ แต่พยายามมาชี้หน้าตน จึงเอามือปัดออก ซึ่งตนอยู่กับหลานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาญาติจะผลัดกันไปรับไปส่งน้องเลม่อน ทุกคนกลับมาไม่อยากไปรับไปส่ง เพราะโดนครูประจำชั้นของน้องเลม่อนพูดจากระแทกใส่ว่าไม่ดูแลเอาใจใส่หลาน จนหลานทำงานไม่ทันเพื่อน และขาดโรงเรียนบ่อย ทั้งที่แจ้งลาไปแล้วว่าหลานมีโรคประจำตัวต้องไปโรงพยาบาลเป็นประจำ ด้านนายนะโม อายุ ๓๙ ปี พ่อน้องเลม่อน เล่าว่า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาตนไปรับลูกที่ห้อง แล้วเห็นลูกชาย ยอมรับว่าแทบช็อก เพราะครูเอาโต๊ะเรียนของลูกชายไว้หลังห้องเรียน ให้หันหน้าเข้ากำแพง และนั่งอยู่คนเดียว จึงถามเพื่อนลูกชายก็ได้รับคำตอบว่า “ครูไม่ให้เลม่อนมาโรงเรียนแล้ว” เพราะขาดโรงเรียนบ่อย จึงให้ญาติมาคุยกับ ผู้อำนวยการจึงเกิดคลิปดังกล่าวเกิดขึ้น จริงๆ แล้วในคลิปเป็นช่วงท้าย ก่อนหน้าจะถ่ายรุนแรงกว่านั้นก่อนหน้านี้ลูกชายไม่อยากมาโรงเรียน ให้ใครไปส่งก็ไม่ไป เพราะโดนครูดุจนไม่กล้ามาโรงเรียน ใครจะมาส่งก็ไม่มา สาเหตุที่ลูกชายขาดโรงเรียนบ่อย เพราะป่วยเป็นโรคปอด ยอมรับตอนเห็นลูกชายในสภาพนั่งคนเดียว หันหน้าเข้ากำแพง หัวใจหล่นถึงตาตุ่มอย่างไรก็ตาม เบื้องต้นผู้สื่อข่าวได้พยายามไปสอบถามครูและ ผอ. แต่ยังไม่มีใครออกมาให้ข้อมูล อ้างว่า “ไม่พร้อม”.