วันพฤหัสบดี, 7 พฤศจิกายน 2567

เชิญชวนเฝ้าฯ รับเสด็จ “ในหลวง-พระราชินี” สักการะ พระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุ พระราชทานไฟ

27 ก.พ. 2024
42

พระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จากสาธารณรัฐอินเดีย อัญเชิญประดิษฐานชั่วคราว ณ มณฑปมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ด้วยริ้วขบวนอัญเชิญสมพระเกียรติ ยิ่งใหญ่ ตระการตาโดยรัฐบาลไทย ร่วมกับ รัฐบาลสาธารณรัฐอินเดีย ดำเนินการสืบเนื่องจากโครงการธรรมยาตราพระบรมสารีริกธาตุจากมหานทีคงคาสู่ลุ่มน้ำโขงจากสาธารณรัฐอินเดีย มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ในพิธีอัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และเป็นผู้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี อัญเชิญพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตร และ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการวัฒนธรรม อัญเชิญพระอรหันตธาตุของพระโมคคัลลานะ ขึ้นประดิษฐานสู่มณฑป ทั้งมีบุคคลสำคัญของสาธารณรัฐอินเดีย ได้แก่ นายราเชนทรา วิศวะนาถ อาเลการ์ ผู้ว่าการรัฐพิหาร ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนรัฐบาลอินเดีย ด็อกเตอร์วิเรนทร์ กุมาร รัฐมนตรีว่าการยุติธรรมและเพิ่มพลังทางสังคม สาธารณรัฐอินเดีย นายนาเคส สิงห์ เอกอัครราชทูตอินเดีย รวมทั้งคณะสงฆ์ คณะผู้บริหารฝ่ายไทย และอินเดียเข้าร่วมพิธี ซึ่งจะประดิษฐาน ณ มณฑปมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๗นับเป็นมหามงคลยิ่ง ที่พสกนิกรชาวไทย จะได้มีโอกาสสักการะบูชา เสริมสร้างสิริมงคลในชีวิต และยังได้ร่วมแสดงความจงรักภักดี เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลดังกล่าวด้วย ที่สำคัญอย่างยิ่ง ในวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เวลา ๐๙.๐๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนิน ไปทรงสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ ที่ มณฑปมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดไฟ พระราชทานให้เจ้าพนักงานพระราชพิธี เชิญไปตั้งที่มณฑปประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ณ มณฑปมณฑลพิธีท้องสนามหลวง จนถึงวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๗ และพระราชทานไปตั้งที่มณฑป ณ หอคำหลวง อุทยานราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ ๕-๘ มีนาคม ๒๕๖๗ ณ วัดมหาวนาราม จังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๓ มีนาคม ๒๕๖๗ และ ณ วัดมหาธาตุวชิรมงคล จังหวัดกระบี่ ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๘ มีนาคม ๒๕๖๗ ด้วย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการวัฒนธรรม กล่าวว่า นับเป็นประวัติศาสตร์ ในรอบ ๒,๕๖๗ ปี ที่พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระอัครสาววกทั้งสององค์เสด็จมาประดิษฐานพร้อมกัน ณ ประเทศไทย จึงขอเชิญชวนให้ พุทธศาสนิกชน ทั้งชาวไทย และ ชาวต่างชาติ สักการะบูชา พระบรมสารีริกธาตุ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอรหันตธาตุของพระสาวก คือ พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ เพื่อความเป็นสิริมงคลสูงสุดแก่ชีวิต และ ร่วมเฝ้าฯ รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี อย่างพร้อมเพรียงกันรมว.วัฒนธรรม กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ได้มีการจัดนิทรรศการ “การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินเดียมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม๒๕๖๗” โดยเนื้อหานิทรรศการประกอบด้วย ความเป็นมาของพระบรมสารีริกธาตุ / การค้นพบพระบรมสารีริกธาตุ ณ เมืองปิปราห์วา รัฐอุตตรประเทศ สาธารณรัฐอินเดีย / สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล / การบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ณ บรมบรรพต วัดสระเกศ และข้อมูลเกี่ยวกับพระธาตุที่นำมาจัดแสดงในประเทศไทย ตลอดจน นิทรรศการเกี่ยวกับพุทธประวัติจากประเทศอินเดีย สำหรับประชาชนที่ต้องการเดินทางมาสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ ณ ท้องสนามหลวง ขสมก. ได้จัดเดินรถโดยสารให้บริการฟรี จำนวน ๓ เส้นทาง ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐-๒๑.๐๐ น. หรือจนกว่าจะส่งประชาชนออกจากพื้นที่หมด โดยมีรายละเอียด ดังนี้ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-สนามหลวง, วงเวียนใหญ่-สนามหลวง, ท่าช้าง-สนามหลวง ส่วนประชาชนที่นำรถส่วนตัวมา ได้อำนวยความสะดวกพื้นที่จอดรถ จำนวน ๔ จุด ได้แก่ ลานจอดรถสนามหลวง, ใต้สะพานพระราม ๘, ราชนาวีสโมสร, ลานจอดรถกองสลากเก่า ระหว่างเวลา ๐๙.๐๐-๒๑.๐๐ น. ทั้งนี้ ขอความร่วมมือให้ประชาชนที่เข้าร่วมสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุฯ แต่งกายด้วยชุดสุภาพ งดเว้นสีดำโดยกระทรวงวัฒนธรรมมีบริการดอกไม้บูชาสักการะโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ สายด่วนวัฒนธรรม ๑๗๖๕