วันพฤหัสบดี, 7 พฤศจิกายน 2567

โมเดล…ลับ ลวง พราง ดัน! รายได้ท่องเที่ยว

“สังคมไทย” …กำลังตกหลุม “ลับ ลวง พราง” แปดเปื้อนมาตรฐานยุติธรรมเลี่ยงการลงทัณฑ์ ได้พวก “สนิมเนื้อในตน” สอดส่องช่องทางรอดเอื้ออภิสิทธิ์ชน?กระนั้นทุกชีวิตก็คงหนีไม่พ้นคำพระท่านว่า “กัมมุนา วัตตตี โลโก” กรรมใดใครก่อย่อมจะได้รับผลกรรมนั้นเข้าสักวันใดวันหนึ่งอย่างแน่นอนว่ากันว่ายังมีลับ ลวง พราง อีกหลุมจากมาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ “วิกฤติทิพย์” ไม่ต่างกรณีแรก…จะแจกเงินรายละหมื่นแต่ก็ยุ่งยิ่งกว่ายุงตีกันหรือลิงพันแห?วิธีแก้ที่ผู้นำชุดไหนๆมักถนัดไม่พ้นนำนโยบาย “ท่องเที่ยว” เป็นนางกวักเรียกเงินสกุลต่างชาติมาใช้ โดยอ้างเรามีสินค้าเหลือเฟือเห็นผลเร็ว หนึ่งในนั้นคือ ดึงกลยุทธ์เชิงธุรกิจจับฝูงปลาเข้าข้อง ใช้วิธีเปิด “ฟรีวีซ่าถาวร” ตั้งแต่ ๑ มีนาคมแก่ตลาดมังกรที่เคยทำสถิติปีละ ๑๑ ล้านคนประเด็นสำคัญมีว่า สถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น…รู้กันทั่วในหมู่ผู้ค้าอสังหาริมทรัพย์สุดหรู ณ วันนี้มีเศรษฐีมังกรต่อแถวรอคิวจองคอนโดฯ เป็นบ้านสำรองหลังที่สองในเมืองไทยกันเพียบ!ในทางกลับกัน…หากเปิดคอนเทนต์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ที่ใกล้ครบ ๖๔ ปี จะพบว่าทิศทางที่กำลังก้าวเดินสู่อนาคตอย่างมั่นคง ภายใต้ข้อคำนึงถึงขีดความสามารถที่มีนั้น จะต้องยืนอยู่บนหลักความจริงของการพัฒนา เพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไปในภพนี้ที่ไม่ใช่ภพหน้าโชคดีที่ “ท่องเที่ยวไทย” ถึงจะถูกลากไปเป็นม้าขาวแก้ปัญหาเศรษฐกิจบ้านเมือง ทว่าก็ยังมีการจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ผลิต “แผนงานบูรณาการการสร้างรายได้จากท่องเที่ยว” ให้เป็นรูปธรรม สมฤดี จิตรจงโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำนวัตกรรมการทำตลาดแนวใหม่ เน้นการแสวงหา “รายได้” เพิ่มขึ้น แทนเพิ่ม “จำนวนนักท่องเที่ยว” แบบไม่เป็นโล้เป็นพายสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยด้านตลาดในประเทศ ได้สรุปถึงสาระของแผนว่า เป็นยุทธศาสตร์ชาติด้านความสามารถในการแข่งขัน ให้ท่องเที่ยวไทยเดินต่อไปได้ถึง ๒๐ ปีข้างหน้า ด้วยเนื้อหา ๕ ประเด็น คือ…มุ่งส่งเสริมให้เกิดท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์วัฒนธรรม แต่ไม่ลืมเชิงธุรกิจเช่นกรณีปล่อยให้จีนใช้ทีเผลอ ผลิตกางเกงมวย กางเกงขาก๊วยช้าง ขายตลาดไทยกับชาติต่างๆ…ตามมาด้วยการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพความงามและแพทย์แผนไทย อีกทั้งท่องเที่ยวสำราญทางน้ำที่ยังไปไม่ถึงไหน สุดท้ายเที่ยวเชื่อมภูมิภาคลบข้อครหาเส้นผมบังภูเขา“แผนนี้กำหนดสร้างสินค้าพรีเมียม” สมฤดี ว่า “ด้วยกลยุทธ์ตลาดสื่อถึงมาตรฐานสินค้าและเทคโนโลยีบริการทุกคอนเทนต์ โดยหนุนรายได้ต่างชาติให้ได้หัวละ ๕.๔๘ หมื่นบาท ในประเทศอย่างน้อย ๔ พันบาทต่อหัวต่อทริป…เป้าหมายปีนี้ ๒.๔ ถึง ๓ ล้านล้านบาท” สปอตไลต์ฉายไฟส่องไปที่ “โมเดลท่องเที่ยวสำราญทางน้ำ” ซึ่งไทยเรามีไม่แพ้ชาติใดในอาเซียน เช่น ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยรวมอันดามัน ๒,๖๑๔ ตารางกิโลเมตร เกาะกลางสองฝั่งทะเล ๙๓๖ เกาะ…แม่น้ำ ๔๓ สาย ๕,๐๔๗ กิโลเมตร ทะเลสาบน้ำเค็มน้ำจืดอีกพะเรอเกวียนเหล่านี้ล้วนมีศักยภาพขึ้นชั้น “ทัวริสซึมฮับ”…แต่ไฉน? ล้าหลังเพื่อนบ้านอาเซียน อย่างธุรกิจเรือครุยส์ที่นักลงทุนไทยเคยนำเข้าจากทะเลญี่ปุ่นและสแกนดิเนเวียมาบริการอยู่พักใหญ่ ที่สุดต้องม้วนเสื่อเพราะขาดอาคารผู้โดยสารรองรับ แม้จะพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังรับอีอีซี ค่าเช่าท่าจอดก็แสนแพงเช่นเดียวกับปัญหาราคาน้ำมันผันผวน…แต่ค่าทัวร์กลับถูกเอเย่นต์บีบจนต่ำสุดขณะสิงคโปร์ไปถึงไหนไม่รู้?…เรือสำราญจากทะเลแปซิฟิกและบัลติกจึงหยุดอยู่แค่นั้น มองข้ามไทยต้องถ่ายทัวริสต์ปีนจากเรือใหญ่ลงเรือเล็ก…ช่างพิลึกกึกกือเสียนี่กระไร“ยุทธศาสตร์ ๒๐ ปี จึงเหมือนการกลับมานับหนึ่งใหม่” สมฤดีย้ำ “อันที่จริงกิจกรรมท่องเที่ยวไทยสำราญทางน้ำถึงจะมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่ปีที่แล้วเราทำรายได้ถึง ๑๑,๒๕๖ ล้านบาท”นี่จึงถึงจุดโฟกัสลงตัวกับแผนงาน “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยระยอง” ที่ปีก่อนมีผู้เยี่ยม เยือน ๔.๙๑ ล้านคน รายได้ ๒.๑๑ หมื่นล้านบาท ปีนี้…คาดว่าจะได้ ๓ หมื่นล้านบาทชัวร์ ด้วยแคมเปญ “สุขทันที…ที่เที่ยวตะวันออก” ผนวก “อร่อยทุกไร่ ชิมไปทุกสวน” ซึ่งมีสวนผลไม้ ๔๐ แห่งแจ้งร่วมแจมแล้ว วัชรพล สารสอนวัชรพล สารสอน ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยระยอง พูดถึงหมอนทองเริ่มติดดอกออกผลไม่แพ้ปีกลาย พอเพียงแชร์โควตาให้ล้งส่งขายจีนแล้วเหลือให้คนไทยได้ชิมทุเรียนฤดูนี้“ชาวสวนเก็บเฉพาะค่าบุฟเฟต์ผลไม้คนละ ๕๐๐ บาท ถ้ากินอาหารเพิ่มอีกร้อย แต่ถ้าชั่งนั่งกินก็คิดเท่าราคาสินค้าเกษตร” วัชรพลว่าส่วนแผนท่องเที่ยวสำราญทางน้ำวัชรพลแนะว่า เป็นมิติใหม่ของ… “ระยองเวิร์กเคชัน” ที่หนุนคนมาเที่ยวบวกการทำงานเข้าพักโรงแรมร่วมโครงการ ๒ คืนขึ้นไป การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยระยองจะจ่าย ๓๐๐ บาทให้ผู้ประกอบการถึงสิ้นเดือนมิถุนายน ซึ่งก็เป็นช่วงทะเลสงบเหมาะกับทัวร์บนน้ำใต้น้ำพอดี“จึงจับมือภูผาทัวร์ครีเอทโปรแกรมดำน้ำที่เกาะมันกลางมันนอกและเสม็ดกับคนทุกวัย”ย้ำว่า…ทัวร์นี้มีครูผู้สอนผ่านหลักสูตรมาสเตอร์ไดฟ์วิงและสวิฟต์วอเตอร์ช่วยผู้ประสบภัยจากกองทัพเรือมาแล้ว โดยแบ่งกลุ่มผู้สูงอายุกับเด็ก ๓ ขวบขึ้นไปฝึกการใช้สน็อกเกิลลิงผิวน้ำ ความลึกไม่เกิน ๕ เมตรที่เกาะมันกลาง และมีครูดูแลพร้อมอุปกรณ์ช่วยเหลือ โสธร เทพนุเคราะห์โสธร เทพนุเคราะห์ กรรมการผู้จัดการวัยหนุ่มแห่งภูผาทัวร์ อธิบายขยายความให้ฟังว่า โปรแกรมทัวร์ข้างต้นนี้ผู้สูงอายุจะได้ผ่อนคลาย ส่วนเด็กๆก็ได้สัมผัสโลกมหัศจรรย์ใต้ทะเล มีโขดหินประดับปะการังหัวกะโหลก กัลปังหา หอยมือเสือ ซึ่งขึ้นบัญชีสัตว์สงวนเป็นซิกเนเจอร์ทะเลแถบนี้ทั้งยังจะได้เห็นปลากุดสลาด ใบขนุน เก๋า บางครั้งอาจได้เจอกับเต่ามะเฟือง เต่าตนุ เต่ากระ ว่ายปนปลานีโมงดงาม บอกถึงความสมบูรณ์ของทะเลสำหรับผู้ที่มีทักษะดำสกูบาได้แล้ว โสธร บอกว่า ทีมงานจะฝึกการเคลียร์ร่างกายให้หูและการหายใจรับกับสภาพแวดล้อมและการนำร่างขึ้นสู่ผิวน้ำกรณีฉุกเฉินก่อนดำความลึกไม่เกิน ๒๐ เมตรที่ “เกาะมันนอก” ดูซากเรือสำเภาจีนที่ล่มปราศจากสมบัติเพราะถูกขโมยจนหมดและปลอดอาถรรพณ์ใดๆทั้งสิ้น“ทะเลช่วงนี้เป็นโอกาสเหมาะกับนักดำน้ำสมัครเล่น เนื่องจากทะเลเปิด…อาทิตย์จะสังเคราะห์แสงส่องผ่านถึงพื้นให้เห็นหอยมือเสือตัวโตขนาด ๑ เมตร ไม่ดุร้าย แต่ห้ามแตะหรือจับเพราะเวลามันตกใจจะรีบปิดฝางับฝ่ามือบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย และไม่ต้องกังวลเรื่องอุบัติภัย ด้วยทัวร์นี้มีการซื้อประกันสำหรับซอฟต์แอดเวนเจอร์ไดฟ์เวอร์ทุกชีวิตไว้แล้ว”“ระยอง”…กำลังเปล่งออร่ากับโปรแกรมนี้ คาดปีนี้ทำรายได้ ๓ หมื่นล้านบาท หรือ ๒.๔ ถึง ๓ ล้านล้านบาททั้งประเทศแน่นอน ยกเว้นจะมีใครทำให้เกิดสะดุดหกล้มเสียก่อน…อันนี้ก็เป็น “อุบัติเหตุ” ไม่คาดฝัน คงไม่มีใครช่วยได้. คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า ๑” เพิ่มเติม