จากการเสวนาบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย “ใครได้ใครเสีย” รองศาสตราจารย์ด็อกเตอร์พญ.เริงฤดี ปธานวนิช อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี กล่าวว่า งานวิจัยล่าสุดปี ๒๕๖๗ ที่เพิ่งตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ชั้นนำอย่าง The New England Journal of Medicine ปรากฏชัดเจนว่า กลุ่มที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อช่วยเลิกบุหรี่ จะติดทั้งบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้า เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าถึง ๖ เท่า การสูบบุหรี่ทั้งสองอย่างจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากกว่าการสูบอย่างใดอย่างหนึ่ง งานวิจัยยังระบุว่า กลุ่มที่ไม่ได้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มที่จะเลิกเสพติดนิโคตินได้มากกว่ากลุ่มที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าถึง ๑.๗ เท่า ทั้งนี้ บริษัทบุหรี่และเครือข่ายที่สนับสนุนมักอ้างว่า บุหรี่ไฟฟ้าจะช่วยให้คนสูบบุหรี่เลิกบุหรี่ได้ แต่ไม่เปิดเผยข้อเท็จจริงที่ว่า ผู้ที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อเลิกบุหรี่มักจะเสพติดทั้งบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งอันตรายสูงกว่าและเสี่ยงต่อการเสพติดนิโคตินระยะยาวนายไพศาล ลิ้มสถิตย์ กรรมการบริหารศูนย์กฎหมายสุขภาพและจริยศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า บุหรี่ไฟฟ้าควรเป็นสินค้าหรือของ ต้องห้ามนำเข้า ห้ามขายต่อไป และควรเฝ้าระวังดำเนินคดีกับการโฆษณาส่งเสริมการขายบุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวด เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้สูบและผู้ที่ได้รับไอบุหรี่ไฟฟ้า รัฐบาลควรปฏิบัติตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกที่มีจุดยืนว่า ทั้งบุหรี่ไฟฟ้าที่มีนิโคตินและไม่มีนิโคติน เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง