วันพุธ, 6 พฤศจิกายน 2567

ลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบ เหลืออีกแค่ ๑ วัน ยอดหนี้รวมกว่า ๑๑,๐๙๗ ล้าน

เหลืออีกแค่ ๑ วัน ลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบ วันที่ ๙๐ คนลงทะเบียนกว่า ๑.๔๙ แสนราย ยอดหนี้รวมกว่า ๑๑,๐๙๗ ล้าน ไกล่เกลี่ยสำเร็จ ๑๗,๘๔๘ ราย มูลหนี้ลด ๗๖๑ ล้าน ย้ำ ดำเนินการไกล่เกลี่ยให้ครบ ๑๐๐% พร้อมจัดกิจกรรม “ตลาดนัดแก้หนี้” แม้ปิดลงทะเบียนแล้ว ประชาชนยังสามารถแจ้งปัญหาได้วันที่ ๒๘ ก.พ. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงผลการลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ วันที่ ๙๐ โดยเมื่อเวลา ๑๕.๐๐ น. สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ได้รายงานผลการลงทะเบียนพบว่า มีประชาชนลงทะเบียนแล้ว ๑๔๙,๘๓๓ ราย มูลหนี้รวม ๑๑,๐๙๗.๓๐๒ ล้านบาท เป็นการลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ ๑๒๓,๘๗๔ ราย และการลงทะเบียน ณ ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ ๒๕,๙๕๙ ราย รวมจำนวนเจ้าหนี้ ๑๒๑,๖๘๘ ราย มีพื้นที่/จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนมากที่สุด ๕ ลำดับแรก ดังนี้ ๑. กรุงเทพมหานคร ยังคงมีผู้ลงทะเบียนมากที่สุด ๑๑,๒๕๗ ราย เจ้าหนี้ ๘,๗๘๘ ราย มูลหนี้ ๑,๐๑๑.๙๔๔ ล้านบาท ๒. จังหวัดนครศรีธรรมราช มีผู้ลงทะเบียน ๖,๐๑๐ ราย เจ้าหนี้ ๕,๗๕๐ ราย มูลหนี้ ๔๑๓.๒๙๑ ล้านบาท ๓. จังหวัดสงขลา มีผู้ลงทะเบียน ๕,๔๙๔ ราย เจ้าหนี้ ๔,๔๘๗ ราย มูลหนี้ ๓๖๔.๓๐๒ ล้านบาท ๔. จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ลงทะเบียน ๕,๑๗๙ ราย เจ้าหนี้ ๔,๓๑๐ ราย มูลหนี้ ๔๕๖.๒๘๙ ล้านบาท และ ๕. จังหวัดสุรินทร์ มีผู้ลงทะเบียน ๔,๒๕๖ ราย เจ้าหนี้ ๓,๑๗๘ ราย มูลหนี้ ๔๐๖.๔๙๒ ล้านบาทขณะที่จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนน้อยที่สุด ๕ ลำดับแรก ได้แก่ ๑. จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีผู้ลงทะเบียน ๒๔๖ ราย เจ้าหนี้ ๒๔๖ ราย มูลหนี้ ๑๔.๙๒๔ ล้านบาท ๒. จังหวัดระนอง มีผู้ลงทะเบียน ๓๕๕ ราย เจ้าหนี้ ๒๗๓ ราย มูลหนี้ ๒๔.๕๕๓ ล้านบาท ๓. จังหวัดสมุทรสงคราม มีผู้ลงทะเบียน ๓๙๙ ราย เจ้าหนี้ ๓๑๔ ราย มูลหนี้ ๑๘.๗๙๖ ล้านบาท ๔. จังหวัดตราด มีผู้ลงทะเบียน ๔๗๒ ราย เจ้าหนี้ ๓๔๗ ราย มูลหนี้ ๒๐.๗๕๕ ล้านบาท และ ๕. จังหวัดสิงห์บุรี มีผู้ลงทะเบียน ๔๘๔ ราย เจ้าหนี้ ๓๙๖ ราย มูลหนี้ ๒๘.๐๒๘ ล้านบาท “สำหรับข้อมูลการไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบทั่วประเทศพบว่า มีลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยแล้ว ๒๗,๘๗๐ ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ ๑๗,๘๔๘ ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนการไกล่เกลี่ย ๒,๕๔๕.๐๒๘ ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย ๑,๗๘๓.๘๖๗ ล้านบาท มูลหนี้ลดลง ๗๖๑.๑๖๐ ล้านบาท และจังหวัดที่สามารถนำลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยได้มากที่สุดยังคงเป็นจังหวัดนครสวรรค์เช่นเดิม โดยมีลูกหนี้ที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย ๓,๓๔๖ ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ ๔๙๑ ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนไกล่เกลี่ย ๒๘๔.๔๗๙ ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย ๕๐.๘๑๐ ล้านบาท ทำให้มูลหนี้ของพี่น้องประชาชนในจังหวัดนครสวรรค์ลดลง ๒๓๓.๖๖๘ ล้านบาท สำหรับกรณีที่ไม่ได้รับความร่วมมือกระทั่งไม่สามารถดำเนินการไกล่เกลี่ยได้ เจ้าหนี้และลูกหนี้มีความประสงค์ให้เจ้าหน้าที่ได้ส่งต่อเรื่องไปยังพนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจในพื้นที่แล้ว ๒๙๔ คดี ใน ๔๐ จังหวัด” นายสุทธิพงษ์กล่าวนายสุทธิพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า กระทรวงมหาดไทย มุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบตามนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยได้บูรณาการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกันขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างเต็มที่ตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีความมุ่งมั่นในการที่จะช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เป็นหนี้นอกระบบ เพราะต้องชำระดอกเบี้ยสูงมากและเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งยังมีกระบวนการวิธีการทวงหนี้ที่ใช้ความรุนแรงโหดร้ายทารุณ“ในส่วนของกระบวนการไกล่เกลี่ย ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอเร่งดำเนินการเชิญลูกหนี้และเจ้าหนี้นอกระบบที่ลงทะเบียนเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยให้ครบ ๑๐๐% โดยบูรณาการร่วมกับอัยการ ตำรวจ สถาบันการเงินของรัฐ ในการไกล่เกลี่ยตกลงกันโดยใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุด และขอให้ทุกจังหวัดได้ดำเนินการตามนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการจัดกิจกรรม “ตลาดนัดแก้หนี้” อย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน ในส่วนของข้อมูลเจ้าหนี้นอกระบบที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ขอให้กรมการปกครองบูรณาการข้อมูลกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างใกล้ชิด เพื่อดำเนินการสืบหาเจ้าหนี้ที่มีพฤติการณ์ทวงหนี้แบบข่มขู่และใช้ความรุนแรง แต่หากเกิดกรณีไม่สามารถไกล่เกลี่ยตกลงกันได้ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายได้ทันที ถึงแม้ว่าเราจะปิดรับลงทะเบียนหนี้นอกระบบในวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ แต่เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบได้เกิดความต่อเนื่อง ขอให้ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคได้ประชาสัมพันธ์ช่องทางสายด่วน ๑๕๖๗ ของศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดและอำเภอ เพื่อให้ประชาชนที่เดือดร้อนทั้งเรื่องหนี้นอกระบบ หรือเรื่องอื่นๆ สามารถขอความช่วยเหลือจากภาครัฐหรือกระทรวงมหาดไทยได้ในทุกเรื่อง นอกจากนี้ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ ได้นำพัฒนาการจังหวัด พัฒนาการอำเภอ เข้าไปช่วยสนับสนุนทำเมนูแก้จน หรือที่เรียกว่า “เมนูพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน” เป็นคู่มือในการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ด้วยการ Re X-ray ผู้ที่ผ่านกระบวนการไกล่เกลี่ย คัดแยกประเภทเพื่อหาแนวทางการพัฒนาทักษะการประกอบอาชีพ หรือการดำรงชีวิตประจำวัน รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่ม เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยห่างไกลการก่อหนี้ใหม่” นายสุทธิพงษ์กล่าวนายสุทธิพงษ์ ยังกล่าวในช่วงท้ายว่า ขณะนี้คงเหลือเวลาอีกเพียง ๑ วันที่พี่น้องประชาชนยังสามารถลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐเพื่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งเราจะรับลงทะเบียนวันสุดท้ายคือวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ โดยจะปิดการลงทะเบียนของศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ ภายในเวลา ๑๖.๓๐ น. (เวลาราชการ) และช่องทางออนไลน์ ภายในเวลา ๒๔.๐๐ น. ของวันดังกล่าว อย่างไรก็ตามภาครัฐมีความตั้งใจจริงที่จะแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนจากหนี้นอกระบบ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทุกคนที่เป็นหนี้นอกระบบ ได้มาลงทะเบียนให้ข้อมูลกับทางหน่วยงานภาครัฐ ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้ง On-site ณ ศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด (ห้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด) ที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง (ห้องศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ) สำนักงานเขตทั้ง ๕๐ เขตของกรุงเทพมหานคร ตลอดจนพื้นที่การจัดมหกรรมตลาดนัดแก้หนี้ระดับจังหวัด และตลาดนัดแก้หนี้อำเภอ หรือสามารถลงทะเบียนทางระบบออนไลน์ที่ https://debt.dopa.go.th โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. ๑๕๖๗ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง