วันศุกร์, 8 พฤศจิกายน 2567

วิเคราะห์การเมือง : ใครแผ่วปลายก็เสียทรง

วางโปรแกรมเก็บแต้มยาวต่อเนื่องหลายทริป“นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการคลัง เตรียมเปลี่ยนวิกบุกภาคอีสาน ตะลอน จ.กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด วันที่ ๒ มีนาคมนี้ แก้ปัญหาการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ต่อด้วยคิวลัดฟ้าข้ามทวีปตะลุย “แดนจิงโจ้” ประเทศออสเตรเลีย วันที่ ๔-๖ มี.ค. นำภาคเอกชนไปเจรจาการค้า การลงทุน และวันที่ ๗-๑๓ มี.ค. ตะลุยยุโรป เยือนฝรั่งเศส เยอรมนี กระทบไหล่ผู้นำ ๒ ประเทศยักษ์ใหญ่ ทำหน้าที่เซลส์แมนประเทศไทย ผลักดันเศรษฐกิจเชิงรุก โปรแกรมต่างแดนยาวเหยียดร่วม ๑๐ วันตั้งหน้าตั้งตาเดินสายลืมเหนื่อย โกยคะแนนทั้งในและต่างประเทศ เร่งเก็บแต้มมือเป็นระวิง หลังเพิ่งปิดทริปทัวร์ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้สั่งขับเคลื่อนกระตุ้นเศรษฐกิจ จ.ปัตตานี นราธิวาส ยะลา หวังพิชิตภารกิจดับไฟใต้ เปลี่ยนความน่ากลัวในพื้นที่เป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศ และฮับอุตสาหกรรมฮาลาล ทวงคืนสันติสุขพื้นที่ปลายด้ามขวานภาวะจำเป็นที่ “นายกฯนิด” ต้องหันมาพึ่งลูกขยัน เปลี่ยนแผนมาจุดพลุปั่นผลงานรายจังหวัด แก้เกมเครื่องยนต์หลักสะดุด นโยบายเรือธงหลัก “ดิจิทัลวอลเล็ต” ติดหล่ม ถูกดองยาว ยังไม่เห็นอนาคตคนไทยจะได้ใช้เงินหมื่นเมื่อใด ขณะที่โครงการซอฟต์พาวเวอร์ก็ยังไม่เป็นรูปธรรม ค่าแรงขั้นต่ำ ๖๐๐ บาททั่วประเทศ ก็ลุ่มๆดอนๆ มีความหวังอยู่แค่ไม่กี่จังหวัดเครื่องยนต์ใหญ่ที่จะสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจติดๆดับๆ ติดข้อจำกัดด้านอำนาจบริหาร ไม่เต็มไม้เต็มมือ ภายใต้เงื่อนไขการเป็นรัฐบาลข้ามขั้วเหลือแต่เครื่องยนต์ประกอบ เนื้องานเห็นแค่รายภาค รายจังหวัด จนถูกมองมีแต่งานอีเวนต์รายวัน ไม่มีอะไรติดตาให้จดจำ แต่ก็จำเป็นต้องทุ่มเททำต่อ เก็บหอมรอมริบ ปั่นแต้มทุกทางแม้แต่เรื่องรูทีน การแก้ปัญหาก่อสร้างถนนพระราม ๒ เจ็ดชั่วโคตร ก็ยังต้องลงไปคลุกฝุ่น จ่อลงพื้นที่ไปตรวจสภาพปัญหาด้วยตัวเอง เก็บแต้มเล็กแต้มน้อย ปลีกย่อยที่ทำแล้วได้อารมณ์ร่วมความรู้สึกคนไทยใช้เนื้องานเป็นเครื่องพิสูจน์ความเป็นนายกฯตัวจริง หวังลบวาทกรรม ประเทศไทยมีนายกฯ ๒-๓ คนตามปรากฏการณ์ที่เห็นต่อหน้าต่อตา ถนนทุกสายมุ่งสู่บ้าน “จันทร์ส่องหล้า” กลายเป็นศูนย์กลางอำนาจประเทศไทย ตีคู่ไปกับฐานบัญชาการ “ตึกไทยคู่ฟ้า”สส.รุ่นใหญ่ รุ่นเล็ก ใครๆก็อยากเข้าไปซูฮก รายงานตัวต่อ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เห็นหน้าคร่าตา หลังได้รับการพักโทษสภาพผู้นำขาลอยที่ “นายกฯเศรษฐา” ก็รู้ดีอยู่แก่ใจ มีต้นทุนบารมีอยู่ในวงจำกัด เพราะไม่มีฐานการเมือง ไร้กำลัง สส.ในมือ กลายเป็นความอิหลักอิเหลื่อในภาวะอำนาจซ้อนอำนาจ จนนายใหญ่เริ่มลดเพดาน กบดานอยู่เงียบๆในช่วงหลัง ไม่ให้ความเคลื่อนไหวของตัวเองขโมยซีนการทำงานรัฐบาลในช่วงกระแสปรับ คณะรัฐมนตรีกระหึ่มขึ้นตามลำดับ หลังรัฐบาลทำงานครบวงรอบ ๖ เดือน เข้าเงื่อนไขการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี ตามสไตล์ทำงาน “อดีตนายกฯทักษิณ” ในอดีต มักปรับ คณะรัฐมนตรีทุกครึ่งปีโผ คณะรัฐมนตรีใหม่เริ่มสะพัดหลายสูตร ใครจะอยู่หรือไป สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันอย่างไร แม้กระทั่งชื่อ “นายกฯนิด” ก็ไม่แคล้วอยู่ในกระแสถูกจับจ้องเปลี่ยนตัว หรือให้มาควบดูกระทรวงกลาโหม แทน รัฐมนตรีว่าการคลัง สูตรพิสดารว่อน หลังมีข่าวหนาหู ผู้มีบารมีหลังฉาก อยากกำหนดการแบ่งดุลอำนาจใหม่เกมอำนาจพุ่งปะทะ “นายกฯเศรษฐา” ต้องทนรับแรงกดดันต่อเนื่อง แต่ผ่าทางตันไปต่อ ขืนแผ่วเมื่อไรก็สะเทือนคะแนนนิยมเพื่อไทยแต่ที่กำลังถูกตั้งคำถามหนัก จะแผ่วปลายหรือไม่คือ ฝ่ายค้านที่ออกลูกลังเลยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลไปๆมาๆอาจลดระดับเหลือแค่การยื่นซักฟอกทั่วไป โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๕๒ ตามสัญญาณที่ นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านเปรยมาล่าสุดท่าทีพรรคก้าวไกลชกผิดฟอร์ม จากสไตล์ไฟต์เตอร์ดุดัน หันมาเต้นฟุตเวิร์ก ยื่นอภิปรายแค่พอเป็นพิธี ไม่ตามรุกไล่ขยี้รัฐบาลในช่วงเมาหมัด ทั้งกรณีโรคเลื่อนดิจิทัลวอลเล็ต และยุติธรรม ๒ มาตรฐานโดยเฉพาะกรณีการได้รับพักโทษของนายทักษิณที่แตะแค่หอมปากหอมคอ ตั้งกระทู้ถามสดในสภา ขยี้แค่ขั้นตอนกระบวนการบังคับใช้กฎหมาย แต่ไม่ลามไปแตะต้องตัวนายใหญ่ก้าวไกลเครื่องรวนดื้อๆ ไม่หยิบมาขยายผลตีแผ่ต่อในเวทีใหญ่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลออกอาการออมมือ ตามเงื่อนปมที่ชวนให้สงสัยติดลูกเกรงใจพรรคเพื่อไทย เพราะต้องพึ่งลมหายใจเรื่องหลักเกณฑ์ออกกฎหมายนิรโทษกรรม ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาตั้งกรรมาธิการศึกษา มีพรรคเพื่อไทยเป็นหัวขบวนผลีผลามพลั้งมือแตะนายใหญ่รุนแรงเกินเหตุ จะพลอยสะเทือนกฎหมายนิรโทษกรรมเกมอำนาจรุมบีบนายกฯกับฝ่ายค้านตกที่นั่งเสียทรง ไม่รู้ใครแผ่วปลายก่อนกัน!!!ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม